11 ไอเดียแต่งห้องสตูดิโอให้ดูมีสไตล์ แต่ครบทุกฟังก์ชันการใช้ชีวิต
- Admin Tanda
- 2 วันที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที

ทุกวันนี้หลายคนหันมาชื่นชอบชีวิตในห้องสตูดิโอ เพราะเป็นพื้นที่ที่เรียบง่าย แต่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ครบครัน การตกแต่งห้องสตูดิโอไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่เลือกสไตล์ที่ใช่
ตัวอย่างเช่น มินิมอล โมเดิร์น สไตล์ Cozy สแกนดิเนเวีย ลอฟต์ สไตล์มินิมอลญี่ปุ่น วินเทจ บูทีค ทรอปิคอล อินดัสเทรียล หรือสไตล์โบฮีเมียน ก็สามารถเปลี่ยนพื้นที่เล็กๆ ให้ดูมีชีวิตชีวาและอบอุ่นได้ อีกทั้งยังมีเคล็ดลับตกแต่งให้ดูกว้างและโล่ง ทำให้ห้องสตูดิโอไม่ใช่แค่ที่พักธรรมดาๆ แต่กลายเป็นมุมโปรดที่ให้ได้ใช้ชีวิตเต็มที่
ไอเดียสไตล์การแต่งห้องสตูดิโอ ให้สวยและฟังก์ชันครบ
การแต่งห้องสตูดิโอให้สวยและใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชัน ต้องใส่ใจทั้งเรื่องสไตล์และการจัดพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิต มาดูกันว่าแต่ละไอเดียตกแต่งมีอะไรน่าสนใจบ้าง
1. สไตล์มินิมอล (Minimalist Studio)
สไตล์มินิมอลเหมาะกับคนที่ชอบความเรียบง่ายและอยากให้ห้องดูโปร่ง โล่งสบาย จุดเด่นคือการใช้โทนสีอ่อน เช่น ขาว ครีม และเทาอ่อน ร่วมกับเฟอร์นิเจอร์เรียบง่าย เช่น เตียงเตี้ย โต๊ะทำงานขนาดเล็ก ชั้นวางของติดผนัง และเก้าอี้ดีไซน์มินิมอล
การตกแต่งเน้นจัดเก็บแบบซ่อนของ ลดสิ่งของตกแต่งที่ไม่จำเป็น ทำให้ห้องดูกว้างและสะอาดตา เหมาะกับคนทำงานอยู่บ้านหรือคนที่ต้องการห้องสตูดิโอเรียบง่ายแต่ใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชัน
2. สไตล์โมเดิร์น (Modern Studio)
ห้องสตูดิโอสไตล์โมเดิร์นเน้นความเรียบหรูและเส้นสายชัดเจน ใช้โทนสีกลางอย่างเทา ดำ ขาว หรือเบจ เพื่อสร้างบรรยากาศทันสมัยและสมดุล เฟอร์นิเจอร์ชิ้นเรียบง่ายแต่ดีไซน์โดดเด่น เช่น โซฟาโมเดิร์น เตียงกรอบโลหะ โต๊ะทำงานกระจกใส และชั้นวางของลอยตัว
การตกแต่งเน้นความเรียบง่ายแต่มีจุดเด่น เช่น ใช้โคมไฟดีไซน์ หรือผนังปูนเปลือยเล็กน้อย ทำให้ห้องดูเท่และมีสไตล์ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ชอบความทันสมัย ต้องการพื้นที่ใช้งานครบ แต่ยังดูสะอาดตาและมีรสนิยม

3. สไตล์โคซี่ (Cozy Studio)
สไตล์โคซี่สร้างบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลายให้ห้องสตูดิโอ จุดเด่นคือการใช้โทนสีอ่อนอบอุ่น เช่น ครีม เบจ น้ำตาลอ่อน ร่วมกับวัสดุธรรมชาติอย่างไม้และผ้าทอเฟอร์นิเจอร์ เช่น โซฟานุ่มๆ พรมปูพื้น ผ้าห่มและหมอนตกแต่ง โต๊ะไม้เล็กๆ และชั้นวางของไม้
การจัดวางเน้นมุมพักผ่อนนั่งสบายและมุมทำงานเรียบง่าย เพิ่มแสงไฟอุ่นเพื่อสร้างบรรยากาศให้รู้สึกอบอุ่น เหมาะกับคนที่ชอบห้องสตูดิโอที่ดูเป็นกันเอง สบายตา และเน้นความผ่อนคลายเป็นหลัก
4. สไตล์สแกนดิเนเวีย (Scandinavian Studio)
สไตล์สแกนดิเนเวียเรียบง่าย โปร่งสบาย และฟังก์ชันการใช้งานครบ โทนสีหลักเป็นขาว เทาอ่อน และไม้โทนอ่อน ให้ห้องดูสว่างและกว้าง เฟอร์นิเจอร์ที่นิยมใช้ เช่น เตียงไม้เรียบ โต๊ะทำงานมินิมอล เก้าอี้ไม้ดีไซน์เรียบ ชั้นวางของติดผนัง และพรมเนื้อผ้านุ่ม
การตกแต่งเน้นความเป็นระเบียบ ใช้ของตกแต่งน้อยแต่มีดีไซน์ เช่น โคมไฟสไตล์นอร์ดิก หรือแจกันเซรามิกเล็กๆ เหมาะกับคนที่ชอบห้องสตูดิโอเรียบง่าย ใช้งานได้จริง แต่ยังดูอบอุ่นและมีสไตล์แบบมินิมอลร่วมสมัย
5. สไตล์ลอฟต์ (Loft Studio)
ห้องสตูดิโอสไตล์ลอฟต์เน้นความดิบ เท่ และโปร่งโล่ง จุดเด่นคือการโชว์โครงสร้างดั้งเดิม เช่น ผนังอิฐเปลือย คานเหล็ก หรือท่อประปาเปลือย โทนสีเทา ดำ น้ำตาลเข้ม และโทนไม้ธรรมชาติ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูเท่ เช่น โซฟาหนัง เตียงโลหะ โต๊ะไม้ปูนเปลือย และชั้นเหล็กเปิดโล่ง
การตกแต่งเน้นใช้วัสดุดิบๆ ผสมกับแสงไฟอบอุ่น เพื่อสร้างบรรยากาศอินดัสเทรียลที่มีชีวิตชีวา เหมาะกับคนที่ชอบความเท่ มีสไตล์เฉพาะตัว และอยากให้ห้องสตูดิโอดูโปร่ง กว้าง และมีมุมมองแบบ
Urban Loft
6. สไตล์ญี่ปุ่น (Japanese Studio)
ห้องสตูดิโอสไตล์ญี่ปุ่นเน้นความเรียบง่าย มีสัดส่วนชัดเจน และบรรยากาศสงบ โทนสีอ่อนอย่างขาว ครีม และไม้ธรรมชาติ เฟอร์นิเจอร์ที่นิยมใช้คือเตียงเตี้ย โต๊ะไม้ต่ำ ชั้นวางของแบบเรียบ และพาร์ทิชันไม้ไผ่หรือฉากเลื่อนสไตล์ชัตเตอร์
การตกแต่งเน้นพื้นที่โล่ง โปร่ง และการจัดเก็บแบบซ่อนของ ให้ห้องดูเรียบร้อยและใช้งานเต็มที่ เหมาะกับคนชอบความสงบ เรียบง่าย รักความเป็นระเบียบ และอยากได้ห้องสตูดิโอที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้านญี่ปุ่นแท้ๆ
7. สไตล์วินเทจ (Vintage Studio)
ห้องสตูดิโอสไตล์วินเทจให้ความรู้สึกอบอุ่น คลาสสิก และมีเสน่ห์จากอดีต จุดเด่นคือใช้วัสดุและของตกแต่งที่มีลวดลายหรือรายละเอียด เช่น ไม้เก่า โลหะเก่า หรือผ้าลายดอก นิยมโทนสีเบจ ครีม น้ำตาล หรือสีพาสเทลอ่อนๆ เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ เช่น โต๊ะไม้เก่า โซฟาหุ้มผ้าลายดอก ตู้ไม้เก่า และของตกแต่งโบราณเล็กๆ
การจัดวางเน้นสร้างมุมอบอุ่นและน่าอยู่ เหมาะกับคนที่ชอบความคลาสสิก รักของตกแต่งมีเรื่องราว และอยากให้ห้องสตูดิโอมีบรรยากาศย้อนยุคแต่ยังใช้งานได้ครบฟังก์ชัน
8. สไตล์บูทีค (Boutique Studio)
ห้องสตูดิโอสไตล์บูทีคเน้นความหรูหรา มีเอกลักษณ์ และใส่ใจรายละเอียด จุดเด่นคือการผสมผสานวัสดุคุณภาพสูง เช่น โลหะเงา กระจก และผ้ากำมะหยี่ เน้นสีเอิร์ธโทน สีทอง หรือสีพาสเทลอ่อนๆ นิยมใช้เฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟาผ้ากำมะหยี่ โต๊ะเครื่องแป้งดีไซน์สวย เตียงตกแต่งหัวเตียงสูง และชั้นวางของสไตล์หรู
การตกแต่งเน้นมุมโดดเด่นและแสงไฟสวยๆ เพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่นและมีรสนิยม เหมาะกับคนที่ชอบความหรูแต่ไม่หวือหวา อยากให้ห้องสตูดิโอสะท้อนตัวตนและสไตล์เฉพาะตัวชัดเจน
9. สไตล์ทรอปิคอล (Tropical Studio)
ห้องสตูดิโอสไตล์ทรอปิคอลให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย และเชื่อมโยงกับธรรมชาติ จุดเด่นคือการใช้วัสดุธรรมชาติและลวดลายใบไม้ เช่น ไม้ไผ่ หวาย และผ้าลายใบปาล์ม โทนสีเขียว เหลือง ฟ้า และโทนเอิร์ธโทนอ่อนๆ เฟอร์นิเจอร์ที่นิยมใช้ ได้แก่ เก้าอี้หวาย โต๊ะไม้ไผ่ เตียงไม้ธรรมชาติ พร้อมพรมหรือหมอนลายใบไม้
การตกแต่งเน้นให้แสงสว่างเข้าถึงและจัดมุมสีเขียวด้วยต้นไม้เล็กๆ เพื่อให้บรรยากาศสดชื่น เหมาะกับคนรักธรรมชาติ ชอบความผ่อนคลาย และอยากให้ห้องสตูดิโอเป็นพื้นที่พักผ่อนที่สดใสและมีชีวิตชีวา
10. สไตล์อินดัสเทรียล (Industrial Studio)
ห้องสตูดิโอสไตล์อินดัสเทรียลเน้นความดิบ เท่ และโปร่ง จุดเด่นคือการโชว์โครงสร้างเดิม เช่น ผนังปูนเปลือย ท่อเหล็ก และคานโลหะ โทนสีเป็นเทา ดำ น้ำตาล และไม้ธรรมชาติ เฟอร์นิเจอร์ที่นิยมใช้ เช่น โต๊ะเหล็ก - ไม้ โซฟาหนัง เตียงกรอบโลหะ และชั้นวางของเหล็ก
การตกแต่งเน้นการใช้วัสดุดิบผสมแสงไฟอุ่น สร้างบรรยากาศเท่และมีมิติ เหมาะกับคนที่ชอบความเท่ มีสไตล์เฉพาะตัว และต้องการห้องสตูดิโอที่ดูโปร่ง กว้าง และมีความเป็นเมืองทันสมัย
11. สไตล์โบฮีเมียน (Bohemian Studio)
ห้องสตูดิโอสไตล์โบฮีเมียนเต็มไปด้วยสีสันและความเป็นศิลปะ จุดเด่นคือการผสมผสานลวดลาย วัสดุ และของตกแต่งจากหลายวัฒนธรรม โทนสีสดใส เช่น แดง ม่วง ส้ม เขียว หรือผสมกับโทนเอิร์ธโทน เฟอร์นิเจอร์ที่นิยมใช้ เช่น พรมทอมือ หมอนอิงหลากสี เก้าอี้หวายหรือไม้ โต๊ะไม้ผสมหวาย และชั้นวางของเปิด
การตกแต่งเน้นชั้นวางแบบเปิด ของตกแต่งติดผนัง และต้นไม้เล็กๆ เพื่อให้ห้องดูมีชีวิตชีวา เหมาะกับคนที่รักความสร้างสรรค์ ไม่อยากซ้ำใคร และอยากให้ห้องสตูดิโอสะท้อนความเป็นตัวเองเต็มที่

แบบห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 24 - 26 ตร.ม. ใช้ชีวิตสบายไม่อึดอัด
ห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 24 - 26 ตร.ม. อาจดูพื้นที่จำกัด แต่ถ้าออกแบบและจัดวางดีๆ ก็ใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชันและไม่รู้สึกอึดอัด มาดูกันว่าไอเดียจัดห้องสตูดิโอขนาดเล็กให้ใช้ชีวิตสบายและลงตัวมีอะไรบ้าง
มุมนอน
สำหรับมุมนอนในห้องสตูดิโอขนาดนี้ การจัดโซนควรเน้นความเรียบง่ายและประหยัดพื้นที่ เลือกเตียงแบบเตี้ยหรือเตียงมีลิ้นชักเก็บของด้านล่างช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ โต๊ะข้างเตียงขนาดเล็กหรือชั้นลอยติดผนัง สามารถวางของจำเป็นได้ไม่รกสายตา
การใช้ผ้าปูเตียงและหมอนโทนสีอ่อนช่วยให้มุมนอนดูกว้างและสบายตา การจัดวางเตียงชิดผนังหรือมุมห้องยังช่วยเปิดพื้นที่กลางห้องให้ใช้งานส่วนอื่นได้คล่องตัว เหมาะกับคนที่ต้องการมุมพักผ่อนสงบๆ แต่ไม่กินพื้นที่ส่วนกลางห้อง
มุมทำงาน
สำหรับการแต่งห้องสตูดิโอ 24 - 26 ตร.ม. ในมุมทำงาน ควรจัดให้อยู่ในมุมที่มีแสงธรรมชาติเข้าถึง หรือใกล้หน้าต่างเพื่อเพิ่มความสดชื่นและสมาธิ โต๊ะทำงานควรเลือกขนาดกะทัดรัด แต่มีชั้นลอยหรือช่องเก็บของติดผนังประหยัดพื้นที่และจัดเก็บเอกสารง่าย เก้าอี้ควรเป็นแบบพิงหลังสบายและปรับระดับได้
การตกแต่งรอบๆ ใช้โทนสีอ่อนให้มุมทำงานดูโปร่ง การวางมุมทำงานเป็นระเบียบช่วยให้ห้องสตูดิโอเล็กๆ ดูเป็นสัดส่วน และช่วยให้ทำงานมีสมาธิ สะดวกสบายมากขึ้น
มุมนั่งเล่น
มุมนั่งเล่นควรจัดให้อยู่ใกล้กลางห้องหรือมุมที่เปิดรับแสงธรรมชาติ เพื่อให้บรรยากาศโปร่งและสบายตา เลือกเฟอร์นิเจอร์ขนาดกะทัดรัด เช่น โซฟาขนาดสองที่นั่ง เก้าอี้เล็กๆ โต๊ะกาแฟต่ำ หรือชั้นวางของลอยตัว เพื่อประหยัดพื้นที่และไม่บังทางเดิน
การใช้โทนสีอ่อนหรือพาสเทลช่วยให้มุมนั่งเล่นดูกว้างขึ้น จัดวางเรียบร้อยและเลือกเฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชัน ทำให้มุมนั่งเล่นเป็นพื้นที่พักผ่อนที่สะดวกและลงตัวแม้อยู่ในห้องสตูดิโอขนาดเล็ก
มุมครัว
มุมครัวควรจัดให้เรียบง่ายและใช้งานครบฟังก์ชัน วางเคาน์เตอร์ครัวแบบบิลต์อินหรือเคาน์เตอร์ขนาดกะทัดรัดชิดผนัง เพื่อประหยัดพื้นที่และเปิดทางเดิน ใช้ชั้นลอยหรือตู้แขวนสำหรับเก็บจานชามและเครื่องครัว เลือกวัสดุทนทานและทำความสะอาดง่าย เช่น ไม้เคลือบหรือสเตนเลส
ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าเล็กๆ เช่น ไมโครเวฟหรือกาต้มน้ำวางให้เข้าถึงง่าย การเลือกโทนสีสว่างช่วยให้มุมครัวดูโปร่งและไม่อึดอัด สามารถทำอาหารและใช้พื้นที่ได้สะดวก

เคล็ดลับแต่งห้องสตูดิโอขนาดเล็กให้ดูกว้าง ด้วยไอเดียง่ายๆ
ห้องสตูดิโอขนาดเล็กไม่จำเป็นต้องรู้สึกอึดอัด แค่ตกแต่งให้ห้องดูกว้าง โปร่ง และใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชัน มาดูไอเดียง่ายๆ ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่สายตาและทำให้ห้องสตูดิโอดูกว้างขึ้นกัน
ใช้สีอ่อนและโทนเดียวกันทั้งห้อง
การใช้สีอ่อนและโทนเดียวกันทั่วห้องสตูดิโอช่วยสร้างความต่อเนื่องทางสายตา ทำให้พื้นที่ดูกว้างและสว่างขึ้น โทนสีอย่างขาว ครีม เบจ หรือเทาอ่อน ช่วยสะท้อนแสงธรรมชาติและไฟภายในห้อง ทำให้มุมต่างๆ เชื่อมต่อกันเรียบง่าย
จัดเฟอร์นิเจอร์แบบเรียบง่ายและลอยตัว
การจัดเฟอร์นิเจอร์แบบเรียบง่ายและลอยตัวช่วยให้ห้องสตูดิโอขนาดเล็กดูกว้างและโปร่งมากขึ้น เพราะเฟอร์นิเจอร์ขนาดกะทัดรัดหรือชิ้นที่ยกสูงจากพื้น เช่น โต๊ะลอยตัว โซฟาเล็ก หรือชั้นลอย ช่วยเปิดพื้นที่ใต้เฟอร์นิเจอร์ ทำให้มุมมองไม่ถูกบดบังและทางเดินโล่ง
ใช้แสงธรรมชาติให้มากที่สุด
การใช้แสงธรรมชาติให้มากที่สุดช่วยให้ห้องสตูดิโอขนาดเล็กดูกว้างและโปร่งขึ้น จัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม่ให้บังหน้าต่าง เลือกผ้าม่านบางหรือสีอ่อนให้แสงส่องเข้ามาเต็มที่ สร้างความรู้สึกเปิดโล่งและสว่างสดใส การตกแต่งภายในโทนสว่างร่วมกับแสงธรรมชาติยังช่วยให้ห้องดูสะอาดตาและลดความรู้สึกอึดอัดอีกด้วย
ลดของตกแต่งและของรกห้อง
การลดของตกแต่งและสิ่งของที่ไม่จำเป็นช่วยให้ห้องสตูดิโอขนาดเล็กดูกว้างและโปร่งขึ้น เพราะพื้นที่สายตาจะไม่ถูกบดบังด้วยของมากมาย การเลือกใช้ของตกแต่งชิ้นเล็กๆ ที่จำเป็นและมีดีไซน์เรียบง่าย เช่น โคมไฟเล็ก แจกัน หรือกรอบรูปบางๆ ช่วยให้ห้องดูเรียบร้อยและมีระเบียบ การจัดเก็บของใช้ในลิ้นชักหรือกล่องเก็บของยังช่วยลดความรกสายตา ทำให้ห้องดูโล่ง ใช้งานได้เต็มที่ และรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
เพิ่มกระจกหรือผนังกระจกเพื่อสร้างมิติ
การเพิ่มกระจกหรือผนังกระจกในห้องสตูดิโอช่วยสร้างมิติและทำให้พื้นที่ดูกว้างกว่าความเป็นจริง กระจกสามารถใช้เป็นผนังกั้นห้อง หรือวางกระจกตั้งพื้นเต็มความสูง เฟอร์นิเจอร์รอบๆ ควรเรียบง่ายเพื่อไม่บดบังมุมมอง แสงจากกระจกสะท้อนเข้ามาเพิ่มความสว่างให้ห้อง ทำให้บรรยากาศดูโปร่งและโล่งขึ้น
สรุป
ห้องสตูดิโอเป็นพื้นที่ใช้ชีวิตแบบครบครัน แม้ขนาดจะเล็ก แต่ถ้าออกแบบและจัดวางเหมาะสมก็ใช้งานได้ครบทั้งมุมนอน มุมทำงาน มุมนั่งเล่น และมุมครัว การเลือกสไตล์ที่เข้ากับตัวเอง เช่น มินิมอล โมเดิร์น โคซี่ สแกนดิเนเวีย ลอฟต์ ญี่ปุ่น วินเทจ บูทีค ทรอปิคอล อินดัสเทรียล หรือโบฮีเมียน ช่วยให้ห้องสตูดิโอดูสวยและมีเอกลักษณ์ การใช้สีอ่อน เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว แสงธรรมชาติ การลดของตกแต่ง และการใช้กระจกช่วยให้ห้องดูกว้างและโปร่ง แม้พื้นที่จำกัดก็ยังใช้งานได้ครบและสะดวกสบาย
Tanda Design Studio บริษัทตกแต่งภายใน ช่วยเนรมิตห้องสตูดิโอและพื้นที่ภายในบ้านให้สวยและใช้งานได้จริง ด้วยบริการออกแบบตกแต่งภายใน ทั้งการวางผัง การเลือกสไตล์ เฟอร์นิเจอร์ และวัสดุ ให้ตอบโจทย์การใช้งาน พร้อมสร้างบรรยากาศที่ลงตัวและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร







