ออกแบบคลังสินค้าให้ได้มาตรฐาน ปลอดภัย พร้อมรองรับธุรกิจในอนาคต
- Admin Tanda
- 28 ก.ย.
- ยาว 2 นาที

การออกแบบคลังสินค้าไม่ได้หมายถึงแค่การสร้างที่เก็บของ แต่เป็นการวางแผนพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพ ทั้งเรื่องการจัดเก็บสินค้า การเคลื่อนย้าย และความปลอดภัยของพนักงาน ในยุคที่ธุรกิจต้องแข่งขันด้านเวลาและต้นทุน การออกแบบคลังสินค้าที่ดีสามารถช่วยภาระลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่ง และรองรับการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
การออกแบบคลังสินค้าเริ่มจากการวิเคราะห์ความต้องการ ออกแบบผังและโครงสร้าง เลือกวัสดุเสริม วางระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมทดสอบและปรับปรุง มาลองสำรวจแนวทางและเทคนิคสำคัญในการออกแบบคลังสินค้าที่เหมาะกับธุรกิจของคุณเพิ่มเติมกันดีกว่า!
ส่วนประกอบสำคัญของการออกแบบคลังสินค้า
การออกแบบคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องของการสร้างโกดังเท่านั้น แต่เป็นการวางแผนพื้นที่แต่ละส่วนอย่างรอบคอบ เพื่อให้การเคลื่อนย้ายสินค้า การจัดเก็บ และกระบวนการทำงานทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และรองรับการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
การวางแผนพื้นที่
การจัดวางพื้นที่ในคลังสินค้าถือเป็นหลักการสำคัญของการทำงานทั้งหมด เพราะทุกโซนล้วนเชื่อมต่อกัน การวางแผนอย่างรอบคอบช่วยให้การไหลเวียนของสินค้าเป็นระบบ ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
โซนรับสินค้า (Receiving Area) ใช้สำหรับรับสินค้าที่เข้ามาใหม่ ตรวจสอบและลงทะเบียนก่อนนำไปเก็บ การวางแผนต้องพิจารณาขนาดพื้นที่สำหรับรถบรรทุกและอุปกรณ์ขนถ่าย เพื่อให้ขั้นตอนรับสินค้ารวดเร็วและลดความผิดพลาด
โซนเก็บสินค้า (Storage Area)เป็นพื้นที่จัดเก็บสินค้าอย่างเป็นระเบียบตามประเภทและความถี่ในการหยิบใช้ การวางแผนต้องคำนึงถึงชั้นวาง การเข้าถึง และระบบสต๊อก เพื่อให้หยิบสินค้าได้ง่ายและลดเวลาการค้นหา
โซนเตรียมสินค้า (Staging / Sorting Area)สำหรับการเตรียมและแยกสินค้าตามคำสั่งซื้อก่อนบรรจุหรือจัดส่ง การวางแผนต้องคำนึงถึงพื้นที่ที่เพียงพอและระบบจัดเรียง เพื่อให้ขั้นตอนนี้แม่นยำและไม่เกิดความสับสน
โซนหยิบและบรรจุสินค้า (Picking & Packing Area)ใช้ดึงสินค้าออกจากคลังตามคำสั่งซื้อและบรรจุกล่อง การวางแผนควรคิดเรื่องเส้นทางหยิบสินค้า โต๊ะบรรจุ และอุปกรณ์แพ็ค เพื่อให้หยิบและบรรจุได้เร็วและแม่นยำ
โซนส่งออกสินค้า (Shipping Area)เป็นจุดจัดเตรียมสินค้าออกจากคลังไปยังลูกค้า การวางแผนต้องรวมพื้นที่รอรถ ระบบโหลด และการตรวจสอบเอกสาร เพื่อให้การส่งออกเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
โซนสินค้าคืนหรือสินค้าชำรุด (Returns / Defective Goods Area)สำหรับจัดการสินค้าที่ลูกค้าคืนหรือสินค้าที่เสียหาย การวางแผนต้องแยกพื้นที่ชัดเจนและมีกระบวนการตรวจสอบ เพื่อป้องกันการปะปนและลดความสูญเสีย
โซนออฟฟิศและสนับสนุนการทำงาน (Office & Support Area)รองรับงานเอกสาร การบริหาร และการประสานงานภายในคลัง การวางแผนควรทำให้ออฟฟิศเข้าถึงง่ายและมีระบบสื่อสารดี เพื่อให้การบริหารคลังมีประสิทธิภาพ
โซนความปลอดภัยและอุปกรณ์ (Safety & Equipment Area)สำหรับเก็บอุปกรณ์ป้องกันอุบัติเหตุและเครื่องมือสนับสนุน การวางแผนต้องให้เข้าถึงง่ายและติดตั้งป้ายเตือน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทำงานที่ปลอดภัยและลดความเสี่ยง
การวางระบบ
นอกจากการจัดพื้นที่แล้ว การวางระบบภายในคลังสินค้าก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ระบบต่างๆ ช่วยให้การทำงานราบรื่น ปลอดภัย และรักษาคุณภาพสินค้าตลอดกระบวนการ การวางระบบที่ดีจึงต้องคิดถึงความเหมาะสม การเข้าถึง และความปลอดภัยของทุกคน
ระบบไฟฟ้าและระบบแสงสว่าง
ใช้สำหรับจ่ายไฟให้เครื่องจักร อุปกรณ์ และพื้นที่ทำงานทุกจุด การวางแผนต้องคำนึงถึงความเพียงพอของแรงดันไฟ การจัดวางจุดส่องสว่างให้ทั่วถึง และระบบสำรองไฟ เพื่อให้การทำงานต่อเนื่อง ปลอดภัย และลดความเสี่ยงไฟดับ
ระบบระบายอากาศ อุณหภูมิ และความชื้น
ใช้ควบคุมสภาพอากาศภายในคลังให้เหมาะสมกับสินค้าและพนักงาน การวางแผนต้องพิจารณาตำแหน่งการระบายอากาศ การติดตั้งเครื่องปรับอากาศหรือพัดลม และการตรวจวัดความชื้น เพื่อรักษาคุณภาพสินค้าและสร้างสภาพแวดล้อมทำงานที่สบาย
ระบบน้ำประปาและสุขาภิบาล
ใช้สำหรับน้ำดื่ม น้ำใช้ และห้องสุขาในคลัง การวางแผนต้องคำนึงถึงการเข้าถึงง่ายของพนักงาน การระบายน้ำทิ้งอย่างปลอดภัย และระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อให้คลังสะอาด ปลอดภัย และสอดคล้องมาตรฐานสุขอนามัย
ความปลอดภัย
ความปลอดภัยในคลังสินค้าเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตพนักงานและความเสียหายของสินค้า การวางระบบความปลอดภัยอย่างรอบด้านช่วยลดความเสี่ยง ป้องกันอุบัติเหตุ และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มั่นใจได้
ทางเข้า-ออก และเส้นทางอพยพฉุกเฉิน
ใช้สำหรับการเข้า-ออกคลังและอพยพในกรณีฉุกเฉิน การวางแผนต้องพิจารณาตำแหน่งที่ชัดเจน ป้ายบอกทาง และทางเดินกว้างพอ เพื่อให้พนักงานและคนที่มาติดต่อสามารถอพยพได้รวดเร็วและปลอดภัย
ป้ายเตือนและสัญลักษณ์จราจรภายใน
ใช้แจ้งเตือนความเสี่ยงหรือกฎจราจรภายในคลัง การวางแผนต้องคำนึงถึงตำแหน่งที่เห็นชัด สีสันและขนาดที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกคนรับรู้และปฏิบัติตามได้ง่าย ลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
ความปลอดภัยของอุปกรณ์และเครื่องจักร
ใช้ควบคุมการใช้งานเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้ปลอดภัย การวางแผนต้องมีการตรวจสอบสภาพเครื่อง ป้ายเตือน และการป้องกันอันตราย เช่น รั้วหรือฝาครอบ เพื่อป้องกันความเสียหายและอุบัติเหตุ
ความปลอดภัยของบุคลากร
เน้นการป้องกันอันตรายต่อพนักงานทุกคน การวางแผนควรมีอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) การอบรมด้านความปลอดภัย และมาตรการตรวจสอบสุขภาพ เพื่อให้บุคลากรทำงานได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
ระบบป้องกันอัคคีภัย
ใช้ลดความเสี่ยงและควบคุมไฟไหม้ การวางแผนต้องรวมการติดตั้งสปริงเกอร์ ถังดับเพลิง ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ และเส้นทางอพยพ เพื่อให้เกิดการตอบสนองฉุกเฉินอย่างรวดเร็วและลดความเสียหายของสินค้าและทรัพย์สิน

รู้ก่อนเริ่ม! วางแผนออกแบบคลังสินค้ายังไงให้ไม่พลาด?
ก่อนจะลงมือออกแบบคลังสินค้า สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจธุรกิจและความต้องการของคลังให้ชัดเจน การวางแผนล่วงหน้าช่วยลดความผิดพลาด ประหยัดต้นทุน และทำให้ทุกโซนใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ขั้นที่ 1 – การวิเคราะห์ความต้องการ
เริ่มต้นด้วยการสำรวจและวิเคราะห์ความต้องการของคลัง เช่น ปริมาณสินค้าที่ต้องจัดเก็บ ความถี่ในการหยิบสินค้า และประเภทสินค้าที่จัดเก็บ จากนั้นประเมินขนาดพื้นที่ จำนวนพนักงาน และอุปกรณ์ที่จำเป็น การวิเคราะห์นี้ช่วยให้การออกแบบทุกโซนเป็นไปอย่างเหมาะสม ตอบโจทย์การทำงานจริง และสามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
ขั้นที่ 2 – การประเมินงบและวัสดุ
หลังจากวิเคราะห์ความต้องการเรียบร้อย ขั้นต่อไปคือประเมินงบประมาณและวัสดุที่ต้องใช้ เริ่มจากกำหนดงบประมาณที่รวมสำหรับการก่อสร้าง อุปกรณ์จัดเก็บ ระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง รวมถึงระบบความปลอดภัย จากนั้นเลือกวัสดุที่เหมาะสม เช่น คอนกรีต เหล็ก เพื่อให้ทนทานและรองรับน้ำหนักสินค้าได้ดี การวางแผนงบและวัสดุที่รอบคอบช่วยลดค่าใช้จ่ายเกินความจำเป็น และทำให้การออกแบบคลังสินค้าพร้อมใช้งานจริง
ขั้นที่ 3 – การออกแบบและตกแต่งภายใน
เมื่อกำหนดงบประมาณและวัสดุเรียบร้อย ขั้นต่อไปคือการออกแบบพื้นที่ภายในคลังให้ใช้งานได้จริงและสะดวกต่อพนักงาน เริ่มจากวางผังโซนต่างๆ ให้เชื่อมต่อกันอย่างราบรื่น เช่น โซนรับสินค้า โซนเก็บสินค้า โซนเตรียมและบรรจุสินค้า จากนั้นเลือกอุปกรณ์จัดเก็บที่เหมาะสม จัดทางเดินให้เพียงพอสำหรับการเคลื่อนย้าย และคำนึงถึงความปลอดภัยและแสงสว่าง การตกแต่งควรเรียบง่าย สะอาดตา แต่ช่วยให้การทำงานเป็นระบบและลดความซับซ้อน
ขั้นที่ 4 – การสร้างแบบจำลองสามมิติ
หลังจากออกแบบโซนและตกแต่งภายในแล้ว การสร้างแบบจำลองสามมิติช่วยให้เห็นภาพรวมการออกแบบคลังสินค้าแบบเสมือนจริงก่อนเริ่มก่อสร้าง เริ่มจากนำผังและรายละเอียดวัสดุมาใส่ในโปรแกรม เพื่อจำลองพื้นที่ ทางเดิน โซนจัดเก็บ และตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ
ขั้นที่ 5 – การเขียนแบบทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม
เมื่อแบบจำลองสามมิติเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปคือการจัดทำแบบทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมอย่างละเอียด ซึ่งรวมถึงแบบโครงสร้าง อาคาร ระบบไฟฟ้า ระบบประปา และระบบระบายอากาศ การออกแบบต้องให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัย การรับน้ำหนักของโครงสร้าง และการเชื่อมต่อของระบบต่างๆ แบบทางสถาปัตยกรรมมช่วยให้ช่างเข้าใจงานได้ชัดเจน ลดข้อผิดพลาด และทำให้การก่อสร้างคลังสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่นตามแผนที่วางไว้
ขั้นที่ 6 – การควบคุมงานก่อสร้างให้ถูกตามแบบที่วางไว้
ระหว่างการก่อสร้าง การควบคุมงานให้สอดคล้องกับแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมเป็นสิ่งสำคัญ เริ่มจากตรวจสอบการก่อสร้างในแต่ละขั้นตอน เช่น โครงสร้างพื้น ผนัง หลังคา และระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ ประสานงานกับผู้รับเหมาและวิศวกรเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทันที การควบคุมงานช่วยลดความผิดพลาด ลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไข และมั่นใจได้ว่าคลังสินค้าที่สร้างเสร็จจะตรงตามแผน ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

ตัวอย่างการออกแบบคลังสินค้า เน้นฟังก์ชัน ใช้งานได้จริง
การออกแบบคลังสินค้าไม่ได้มีรูปแบบเดียว แต่ละคลังสามารถปรับตามลักษณะสินค้า ปริมาณ และการทำงานของธุรกิจได้ การเลือกแบบที่เหมาะสมช่วยให้ใช้งานได้จริง เพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการจัดการ
1. คลังสินค้าแบบชั้นวางสูง (High Racking Warehouse)
คลังแบบชั้นวางสูงออกแบบให้มีชั้นวางสินค้าเรียงสูง เหมาะกับสินค้าที่ต้องการจัดเก็บจำนวนมากในพื้นที่จำกัด การเข้าถึงสินค้าทำได้ด้วยรถฟอร์กลิฟต์ (Forklift) หรืออุปกรณ์หยิบสินค้าอัตโนมัติ ข้อดีคือเพิ่มความจุของคลัง ใช้พื้นที่แนวตั้งได้เต็มประสิทธิภาพ ลดพื้นที่ว่างที่เสียเปล่า เหมาะกับโรงงานอุตสาหกรรมสินค้าที่มีปริมาณมาก และธุรกิจที่ต้องการจัดเก็บสต๊อกในปริมาณสูง
2. คลังสินค้า Cross-Docking
คลังสินค้าแบบ Cross-Docking ออกแบบให้สินค้าที่เข้ามาถูกจัดเรียงและส่งออกไปยังจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเก็บในคลังเป็นเวลานาน พื้นที่เน้นการจัดเรียงและการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ข้อดีคือลดเวลาในการเก็บสินค้า ลดต้นทุนคลัง และทำให้สินค้าส่งถึงลูกค้าเร็วขึ้น เหมาะกับ โรงงานหรือธุรกิจที่มีการจัดส่งสินค้าบ่อย มีสินค้าหมุนเวียนเร็ว เช่น อาหารสด สินค้าอุปโภคบริโภค หรือธุรกิจ E-commerce
3. คลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse)
คลังสินค้าอัตโนมัติออกแบบให้ระบบจัดเก็บและหยิบสินค้าทำงานโดยใช้เครื่องจักรหรือหุ่นยนต์แทนแรง
งานมนุษย์ พื้นที่ถูกแบ่งอย่างเป็นระบบเพื่อให้เครื่องจักรเคลื่อนที่ได้สะดวก ข้อดีคือลดความผิดพลาดจากมนุษย์ เพิ่มความรวดเร็วในการหยิบและบรรจุสินค้า และช่วยลดต้นทุนแรงงาน เหมาะกับโรงงานหรือธุรกิจที่มีปริมาณคำสั่งซื้อสูง ต้องการความแม่นยำสูง เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สินค้า E-commerce ขนาดใหญ่ หรือคลังสินค้าแบบ 24/7
4. คลังสินค้าแบบ Cold Storage
คลังสินค้าแบบ Cold Storage ออกแบบให้สามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้เหมาะสมกับสินค้า การจัดโซนแบ่งตามอุณหภูมิช่วยรักษาคุณภาพสินค้าและป้องกันการเน่าเสีย ข้อดีคือยืดอายุสินค้า รักษาคุณภาพ และลดการสูญเสียจากความเสียหาย เหมาะกับโรงงานหรือธุรกิจที่จัดเก็บอาหารสด อาหารแช่แข็ง ยา หรือวัสดุที่ต้องควบคุมอุณหภูมิอย่างเข้มงวด เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ยา หรือโลจิสติกส์สินค้าที่ต้องเย็น
5. ดีไซน์คลังสินค้าแบบ Lean Layout
คลังสินค้าแบบ Lean Layout ออกแบบโดยเน้นการลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น และจัดวางโซนให้การเคลื่อนย้ายสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่น วางเส้นทางการทำงานให้สั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ข้อดีคือลดเวลาการเคลื่อนย้ายสินค้า ลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานและพื้นที่ และเพิ่มความเร็วในการจัดส่งสินค้า เหมาะกับโรงงานหรือธุรกิจที่มีปริมาณการผลิตหรือคำสั่งซื้อสูง ต้องการระบบคลังที่รวดเร็ว เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค หรือธุรกิจ E-commerce ที่ต้องส่งสินค้าหมุนเวียนเร็ว

คลังสินค้าไม่ใช่แค่โกดัง! 5 สิ่งที่ควรระวังเพื่อความปลอดภัย
หลายคนอาจมองคลังสินค้าเป็นเพียงที่เก็บสินค้า แต่ความปลอดภัยถือเป็นหลักการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือสินค้าที่จัดเก็บ การให้ความสำคัญกับจุดเสี่ยงและการป้องกันล่วงหน้าช่วยลดอุบัติเหตุและความเสียหายได้
ทางเข้า-ออกและเส้นทางอพยพฉุกเฉินไม่ชัดเจน ควรตรวจสอบว่ามีป้ายบอกทางและทางเดินกว้างเพียงพอ เพื่อให้พนักงานสามารถอพยพได้รวดเร็วเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
การจัดวางสินค้าไม่เป็นระเบียบหรือเกินความสูงชั้นวาง การวางสินค้าอย่างไม่เรียบร้อยหรือเกินความสูงที่กำหนดเสี่ยงต่อการล้ม ควรปฏิบัติตามมาตรฐานชั้นวางและระบบจัดเรียง
การใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ขนย้ายโดยไม่ปลอดภัย ควรตรวจสอบสภาพเครื่องจักร เช่น ฟอร์กลิฟต์ และฝึกอบรมพนักงานให้ใช้อย่างถูกวิธี เพื่อลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ
ระบบไฟฟ้าและแสงสว่างไม่เพียงพอ พื้นที่มืดหรือไฟไม่เพียงพออาจทำให้เกิดการสะดุดหรือเครื่องจักรชนกัน ควรติดตั้งระบบไฟสว่างทั่วถึงและมีการตรวจสอบสม่ำเสมอ
ไม่มีมาตรการป้องกันอัคคีภัยหรืออุปกรณ์ไม่พร้อมใช้งาน ควรติดตั้งถังดับเพลิง สปริงเกอร์ และระบบแจ้งเตือนอัคคีภัย รวมถึงอบรมพนักงานเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ฉุกเฉิน
สรุป
การออกแบบคลังสินค้าเป็นมากกว่าแค่การสร้างโกดัง การวางแผนพื้นที่ โซนต่างๆ ระบบไฟฟ้า การระบายอากาศ และความปลอดภัย มีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานและความปลอดภัยของพนักงาน การเลือกแบบคลังที่เหมาะสมกับประเภทสินค้า เช่น ชั้นวางสูง Cross-Docking อัตโนมัติ หรือ Cold Storage ช่วยให้การจัดเก็บและจัดส่งสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงต่อความเสียหาย
บริษัทออกแบบ Tanda Design Studio พร้อมให้บริการรับออกแบบโรงงาน คลังสินค้า และออกแบบโกดังสินค้าครบวงจร ตั้งแต่การวิเคราะห์ความต้องการ วางผังโซน ออกแบบระบบและความปลอดภัย ไปจนถึงการสร้างแบบจำลองสามมิติ ทีมสถาปนิกของเราช่วยให้คลังสินค้าของคุณใช้งานได้จริง ปลอดภัย และคุ้มค่าตามงบประมาณ พร้อมตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภทอย่างมืออาชีพ นอกจากนี้ยังมีบริการออกแบบโรงงานโมเดิร์น หรือจะเป็นการออกแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น ตกแต่งภายในสไตล์มินิมอล รีโนเวทออฟฟิศ และรูปแบบอื่นๆ ด้วย